ทะเบียนสมรสนั้น
... สำคัญไฉน
พระชาย วรธัมโม เผยแพร่เว็ปไซต์ ประชาไท จันทร์ 18 กุมภาพันธ์ 2556
ขณะนี้กำลังมีการร่างกฎหมายการจดทะเบียนสมรสสำหรับคู่รักเพศเดียวกันขึ้นมาเพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภารอวาระการโหวตคะแนนเสียงเพื่อออกเป็นกฎหมาย
ภาษาทางการเรียกกฎหมายฉบับนี้ว่า ‘พระราชบัญญัติการจดทะเบียนคู่ชีวิต’ เนื้อหาไม่ได้มีอะไรใหม่เพียงแต่เป็นการนำกฎหมายการจดทะเบียนสมรสชายหญิงที่มีอยู่เดิมมาปรับใช้กับคู่สมรสชายกับชาย
หญิงกับหญิง
เป็นการเพิ่มชุดกฎหมายขึ้นเพื่อรองรับการใช้ชีวิตของคู่รักเพศเดียวกันให้มีสิทธิเช่นเดียวกับคู่รักต่างเพศ
บางคนสงสัยว่ากฎหมายฉบับนี้มีความสำคัญอย่างไร ขั้นพื้นฐานเลยก็คือกฎหมายฉบับนี้ช่วยเหลือในกรณีที่คู่รักเพศเดียวกันไม่ว่าจะเป็นคู่รัก ชายกับชาย หรือคู่รัก หญิงกับหญิง หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิตลงไป ทรัพย์สินที่ทั้งสองฝ่ายต่างช่วยสร้างสมกันมาระหว่างที่อยู่ด้วยกันจะตกเป็นของฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่ ทำให้ฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่มีทรัพย์สินไว้ดำรงชีพ มีบ้านอยู่ต่อไป ไม่กลายเป็นคนไร้ทรัพย์หรือตกอับกลายเป็นคนไร้บ้าน
บางคนสงสัยว่ากฎหมายฉบับนี้มีความสำคัญอย่างไร ขั้นพื้นฐานเลยก็คือกฎหมายฉบับนี้ช่วยเหลือในกรณีที่คู่รักเพศเดียวกันไม่ว่าจะเป็นคู่รัก ชายกับชาย หรือคู่รัก หญิงกับหญิง หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิตลงไป ทรัพย์สินที่ทั้งสองฝ่ายต่างช่วยสร้างสมกันมาระหว่างที่อยู่ด้วยกันจะตกเป็นของฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่ ทำให้ฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่มีทรัพย์สินไว้ดำรงชีพ มีบ้านอยู่ต่อไป ไม่กลายเป็นคนไร้ทรัพย์หรือตกอับกลายเป็นคนไร้บ้าน
แต่ทุกวันนี้สิ่งที่คู่รักเพศเดียวกันที่ ชายกับชาย หรือ
หญิงกับหญิง ต้องเผชิญก็คือเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิตลงไป
ฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่จะกลายเป็นคนหลักลอยไปในทันทีเพราะทรัพย์สินของฝ่ายที่เสียชีวิตไปจะตกเป็นของญาติๆ
ในขณะที่ฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่จะกลายเป็นคนไร้บ้านไปในบัดดลเพราะทรัพย์สินที่ทั้งสองต่างร่วมสร้างกันมาไม่ถือว่าเป็น
‘สินสมรส’ เนื่องจากรัฐไทยไม่มีกฎหมายรองรับชีวิตคู่ของเพศเดียวกันมาตั้งแต่แรก
ฉะนั้นอะไรที่ร่วมสร้างกันมาถือว่าเป็นสมบัติที่แยกความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันไป
ไม่ได้เกี่ยวกันในความหมายของสินสมรส ดังนั้นจึงมีคู่รักเพศเดียวกันหลายคู่ทีเดียวเมื่อฝ่ายหนึ่งเสียชีวิตไปฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่ต้องถูกเชิญออกจากบ้านที่ตนเองเคยอยู่อาศัย
เพราะบ้านหลังนั้นได้ตกเป็นสมบัติของญาติผู้ตายไปเรียบร้อยแล้ว
กฎหมายฉบับนี้ยังช่วยอีกหลายเรื่อง เช่น
การทำนิติกรรมร่วมกันเพื่อกู้เงินซื้อบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์
ซึ่งกระทำได้เฉพาะสามีภริยาเท่านั้นแต่เมื่อมีกฎหมายฉบับนี้ออกมา
การทำนิติกรรมร่วมกันในฐานะคู่รักเพศเดียวกันเพื่อกู้เงินซื้อบ้านหรือทำธุรกรรมใดๆ
ก็จะไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป บ้านที่ซื้อก็จะกลายเป็นสองเจ้าของ
หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิตไป
อีกฝ่ายก็ยังมีสิทธิอยู่ต่อเพราะเป็นสินสมรสที่ร่วมกันสร้างขึ้นมา
นั่นเป็นประเด็นทางวัตถุภายนอกอันเป็นประเด็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่พลเมืองทุกคนควรได้รับ
แต่ผู้เขียนมองเห็นประเด็นอื่นๆ ที่อาจเป็นประโยชน์มากกว่านั้น
กฎหมายช่วยเรื่องพัฒนาการด้านใน
เพราะการเป็นคนรักเพศเดียวกันในสังคมไทยยังเป็นเรื่องประหลาด ตลกขบขันทำให้คนที่รักเพศเดียวกันจำนวนหนึ่งต้องหลบซ่อนตัวเองไม่สามารถเปิดเผยตัวเองได้ เพราะเมื่อใดที่เปิดเผยตัวว่าเป็นคนรักเพศเดียวกันก็จะถูกมองว่าเป็นตัวประหลาดหรือตัวตลก ไม่ได้รับการยอมรับ จึงทำให้พวกเขาบางคนไม่สามารถบอกกับสาธารณะได้ว่าตนเป็นคนรักเพศเดียวกัน เพราะหากเปิดเผยไปก็จะถูกล้อเลียนหรือไม่ได้รับการยอมรับ
การมีกฎหมายฉบับนี้ออกมาสนับสนุนอย่างน้อยน่าจะทำให้คนที่รักเพศเดียวกันมองเห็นมากขึ้นว่าตนเองไม่ใช่ตัวตลกของสังคมแต่เป็นบุคคลที่มีสิทธิตามกฎหมาย
แต่กฎหมายฉบับนี้ก็อาจจะช่วยเหลือคนรักเพศเดียวกันที่มีคู่รักเท่านั้น
หากเป็นคนรักเพศเดียวกันที่เป็นโสดก็อาจจะช่วยแค่ความรู้สึกว่าการเป็นคนรักเพศเดียวกันก็พอจะมีตัวตนในกฎหมายไทยอยู่บ้าง
และดูเหมือนคนรักเพศเดียวกันที่เป็นโสดยังไม่มีกฎหมายตัวใดมาช่วยเหลือหรือสนับสนุนการดำเนินชีวิตแบบโสดๆ
ของตน
นั่นคือพัฒนาการด้านในเรื่องความมั่นใจที่จะเกิดขึ้นกับคนรักเพศเดียวกัน เมื่อเทียบกับทางธรรม การบรรลุธรรมก็ต้องอาศัยความมั่นใจในตัวเองเช่นกัน “ศรัทธา” หรือ “ความมั่นใจในตัวเอง” จึงเป็นคุณธรรมข้อแรกในพละ 5 หากเรามีความมั่นใจในตัวเองว่าเราสามารถบรรลุธรรมได้ เมื่อนั้นความเข้าใจในธรรมที่ลึกซึ้งขึ้นก็จะเกิดตามมา เห็นได้ว่าความมั่นใจในตัวเองมีความสำคัญในโลกทั้งสองใบที่ซ้อนทับกันอยู่ ความมั่นใจในการเป็นอะไรในโลกของฆราวาสจึงมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความมั่นใจในทางธรรม
นั่นคือพัฒนาการด้านในเรื่องความมั่นใจที่จะเกิดขึ้นกับคนรักเพศเดียวกัน เมื่อเทียบกับทางธรรม การบรรลุธรรมก็ต้องอาศัยความมั่นใจในตัวเองเช่นกัน “ศรัทธา” หรือ “ความมั่นใจในตัวเอง” จึงเป็นคุณธรรมข้อแรกในพละ 5 หากเรามีความมั่นใจในตัวเองว่าเราสามารถบรรลุธรรมได้ เมื่อนั้นความเข้าใจในธรรมที่ลึกซึ้งขึ้นก็จะเกิดตามมา เห็นได้ว่าความมั่นใจในตัวเองมีความสำคัญในโลกทั้งสองใบที่ซ้อนทับกันอยู่ ความมั่นใจในการเป็นอะไรในโลกของฆราวาสจึงมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความมั่นใจในทางธรรม
ความมั่นใจตัวเองในทางโลกสนับสนุนให้คนๆ
นั้นมีชีวิตอยู่ฉันใด ความมั่นใจในทางธรรมก็สนับสนุนให้คนๆ นั้นมีชีวิตในโลกทางธรรมที่เจริญเติบโตยิ่งขึ้นไปฉันนั้น
เราไม่ควรมองว่าความมั่นใจในตัวเองของบุคคลไม่มีความสำคัญ
ความมั่นใจในตัวเองเป็นคุณธรรมที่สนับสนุนให้บุคคลประสบความสำเร็จในทุกๆ เรื่อง
ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนกันยายนของปี 2553 มีวัยรุ่นเกย์ฆ่าตัวตายในเดือนเดียวกันถึง 5 คน สาเหตุเพราะถูกเพื่อนในโรงเรียนนำความเป็นเกย์ของพวกเขามาล้อเลียนกลั่นแกล้งทำให้พวกเขารู้สึกอับอายไม่ภาคภูมิใจในตัวเองจนต้องปลิดชีวิตตัวเองในที่สุด เราคงเห็นแล้วว่าความภาคภูมิใจในตัวเองหรือความมั่นใจในตัวเองมีความสำคัญต่อบุคคลมากมายเพียงใด
ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนกันยายนของปี 2553 มีวัยรุ่นเกย์ฆ่าตัวตายในเดือนเดียวกันถึง 5 คน สาเหตุเพราะถูกเพื่อนในโรงเรียนนำความเป็นเกย์ของพวกเขามาล้อเลียนกลั่นแกล้งทำให้พวกเขารู้สึกอับอายไม่ภาคภูมิใจในตัวเองจนต้องปลิดชีวิตตัวเองในที่สุด เราคงเห็นแล้วว่าความภาคภูมิใจในตัวเองหรือความมั่นใจในตัวเองมีความสำคัญต่อบุคคลมากมายเพียงใด
ช่วยลดความรุนแรงเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องกรรม
แนวคิดเรื่องกรรมกับคนรักเพศเดียวกันเป็นความรุนแรงอย่างหนึ่งที่ติดข้องอยู่ในวิธีคิดของชาวพุทธ มีคำพูดว่าเกิดมารักเพศเดียวกันเป็นกรรมให้ได้ยินบ่อยๆ ทั้งๆ ที่พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสว่ารักเพศเดียวกันเป็นกรรมหรือเกิดเป็นกะเทยเป็นกรรม แต่เป็นการตีความกันเอาเองของสาวกรุ่นหลัง
แท้จริงแล้วความรู้สึกว่าเป็นกรรมเกิดจากสังคมขาดความเข้าใจที่ดีและขาดระบบการสนับสนุนด้านสาธารณะให้กับคนที่เกิดมาแตกต่าง
คนที่เกิดมาแตกต่างจึงไม่ได้รับความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิตแล้วพลอยคิดไปว่าเป็นกรรม
หากคนที่แตกต่างในสังคมได้รับการสนับสนุนได้รับความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิต
หรือได้รับความเข้าใจที่ดีจากสังคมรอบข้าง ความรู้สึกว่าเป็นกรรมนั้นก็จะหายไป
กรณีคนรักเพศเดียวกันก็เช่นเดียวกัน คนรักเพศเดียวกันไม่มีกฎหมายหรือการสนับสนุนด้านสาธารณะจากสังคมหรือภาครัฐ หากกฎหมายรับรองการสมรสของคู่รักเพศเดียวกันชนะการออกคะแนนเสียงในรัฐสภา อย่างน้อยความรู้สึกว่าเป็นกรรมของคนที่รักเพศเดียวกันก็อาจเจือจางลงไปบ้างเพราะการใช้ชีวิตคู่ได้รับการรับรองจากรัฐรวมทั้งความมั่นคงทางด้านสินสมรสก็ได้รับการคุ้มครอง เจ้าหน้าที่ภาครัฐที่ต้องให้บริการประชาชนก็มีมุมมองต่อคนรักเพศเดียวกันในทางที่ดีขึ้น มองเห็นคนรักเพศเดียวกันว่าเป็นมนุษย์ ปฏิบัติต่อคู่รักเพศเดียวกันที่มาขอจดทะเบียนสมรสอย่างให้เกียรติ เมื่อนั้นความรู้สึกว่ารักเพศเดียวกันเป็นกรรมก็อาจจะค่อยๆ หมดไปเพราะสังคมให้การยอมรับสนับสนุนมากขึ้น
กรณีคนรักเพศเดียวกันก็เช่นเดียวกัน คนรักเพศเดียวกันไม่มีกฎหมายหรือการสนับสนุนด้านสาธารณะจากสังคมหรือภาครัฐ หากกฎหมายรับรองการสมรสของคู่รักเพศเดียวกันชนะการออกคะแนนเสียงในรัฐสภา อย่างน้อยความรู้สึกว่าเป็นกรรมของคนที่รักเพศเดียวกันก็อาจเจือจางลงไปบ้างเพราะการใช้ชีวิตคู่ได้รับการรับรองจากรัฐรวมทั้งความมั่นคงทางด้านสินสมรสก็ได้รับการคุ้มครอง เจ้าหน้าที่ภาครัฐที่ต้องให้บริการประชาชนก็มีมุมมองต่อคนรักเพศเดียวกันในทางที่ดีขึ้น มองเห็นคนรักเพศเดียวกันว่าเป็นมนุษย์ ปฏิบัติต่อคู่รักเพศเดียวกันที่มาขอจดทะเบียนสมรสอย่างให้เกียรติ เมื่อนั้นความรู้สึกว่ารักเพศเดียวกันเป็นกรรมก็อาจจะค่อยๆ หมดไปเพราะสังคมให้การยอมรับสนับสนุนมากขึ้น
โลกเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียว
แท้จริงแล้วกฎหมายทะเบียนสมรสสำหรับคู่รักเพศเดียวกันไม่ได้ช่วยเหลือแค่คนสองคนเท่านั้นแต่ยังช่วยเหลือคนอื่นๆ ด้วย เช่น พ่อแม่ที่มีลูกรักเพศเดียวกันแต่เดิมอาจจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจรับไม่ได้ แต่เมื่อกฎหมายรับรองชีวิตคู่ของเพศเดียวกันถูกประกาศใช้ ความเข้าใจของพ่อแม่ย่อมพัฒนาไปสู่การยอมรับและเข้าใจลูกมากยิ่งขึ้น รวมถึงพี่ๆ น้องๆ หรือญาติๆ ของคู่รักเพศเดียวกันก็จะค่อยๆ เปลี่ยนทัศนคติเพราะมีกฎหมายออกมารองรับ
ในระดับโรงเรียนและสถาบันการศึกษา การรับรู้สำหรับครูอาจารย์และนักเรียนก็ย่อมเปลี่ยนไป มีการยอมรับและเข้าใจประเด็นคนรักเพศเดียวกันมากขึ้น ในระดับสังคมที่ใหญ่ออกไปเป็นหมู่บ้าน อำเภอ จังหวัด ประเทศ นักการเมือง ประชาชน ก็ย่อมต้องเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ เราไม่อาจพูดได้ว่ากฎหมายช่วยเหลือแค่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่กฎหมายได้ช่วยสร้างความเข้าใจให้กับคนอื่นๆ ในสังคม ทำให้โลกเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียว
พัฒนาการความมั่นใจในตัวเองและความภาคภูมิใจในตัวเองของมนุษย์ทุกคนล้วนมีความสำคัญ ความรักเป็นสิ่งสวยงามไม่ว่าคู่รักนั้นจะเป็นเพศใด แต่สิ่งสำคัญกว่าอื่นใดก็คือความเข้าใจ การยอมรับ และการสนับสนุนจากสังคมรอบข้าง เพราะเราอยู่ในสังคมเดียวกัน ความเข้าใจในความแตกต่างจึงเป็นเรื่องจำเป็น.