คมชัดลึก วันพระ (อาสาฬหบูชา) 11 กรกฎาคม 2557
shine6819[@]gmail.com
"คนไทยดื่มเหล้าเก่ง
ดื่มเหล้าจัด และดื่มเหล้าอย่างไร้ระเบียบจนทำให้เกิดอุบัติเหตุรวมไปถึงทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทมากมาย"
ที่ผ่านมาผู้เขียนได้ทำการสำรวจและสัมภาษณ์พฤติกรรมการดื่มเหล้าของชายไทยที่มีอายุระหว่าง
๑๙-๓๕ ปี จำนวน ๑๘ คน พบว่า ๕ คนดื่มเหล้าทุกวัน
๕ คนดื่มทุกสัปดาห์ ที่เหลือดื่มเดือนละครั้งหรือแล้วแต่โอกาส ๓ คนเคยประสบอุบัติเหตุรถยนต์ขณะเมาแล้วขับ ๑๓
คนเคยผ่านประสบการณ์ดื่มเหล้าจนขาดสติสัมปชัญญะ ๑๑ คนรู้จักดื่มเหล้าตั้งแต่อายุต่ำกว่า
๑๕ ปี ที่เหลือ ๖ คนรู้จักดื่มเหล้าตั้งแต่อายุ
๑๖ ปีขึ้นไป มีเพียงคนเดียวในกลุ่มสำรวจที่ไม่ดื่มเหล้า
จากการสำรวจทำให้รับรู้ว่าชายไทยส่วนใหญ่อย่างน้อยต้องเคยข้องแวะกับน้ำเมากันมาบ้าง
และหรือชายไทยจำนวนมากเป็นนักดื่มตัวฉกาจ มีชายไทยส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่ดื่มเหล้า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลตัวเลขจากการสำรวจที่บ่งบอกว่าชายไทยจำนวนเกินครึ่งรู้จักการดื่มเหล้าตั้งแต่อายุต่ำกว่า
๑๕ ปี
ในการสำรวจและสัมภาษณ์ ชายหนุ่มสองคนเปิดใจเล่าให้ฟังว่าเคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์หลังดื่มเหล้าจนเมาโดยตนเองเป็นผู้ขับขี่
หนึ่งในนั้นเล่าให้ฟังว่าหลังจากที่ดื่มจนเมาได้ที่ก็ขับรถบรรทุกเล็ก ด้านหน้าเป็นแค็ป
(ที่นั่งตอนเล็กสำหรับผู้โดยสาร) มีเพื่อนนั่งมาด้วย ๓ คนกับเบาะข้างคนขับอีก ๑ คน
ส่วนที่เป็นกระบะ (ส่วนหลังของรถ) บรรทุกเพื่อนอีก ๑๖ คน เมื่อรถวิ่งมาด้วยความเร็วประมาณ
๑๐๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมงตนเกิดอาการหลับในจากฤทธิ์ของสุราเป็นเหตุให้รถพลิกคว่ำ เพื่อนที่บรรทุกมาด้วยบนกระบะเทกระจาดกระจัดกระจายไปบนท้องถนน
เพื่อนหลายคนได้รับบาดเจ็บ หนึ่งในนั้นอยู่ในสภาพสาหัสต้องผ่าตัดสมองเนื่องจากบาดแผลฉกรรจ์จนต้องพักฟื้นเป็นเวลา
๓ เดือน แม้จะหายดีแล้วแต่ก็ไม่สามารถกลับมาเป็นปกติดังเดิม ๑๐๐% เป็นอุบัติเหตุครั้งที่รุนแรงที่สุดที่หนุ่มผู้ให้สัมภาษณ์เล่าให้ฟัง
หนุ่มอีกคนเปิดใจเล่าให้ฟังว่านอกจากจะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์มาแล้ว
๓ ครั้งเนื่องจากเมาแล้วขับ ยังมีครั้งย่อย ๆ อีกนับครั้งไม่ถ้วนที่เกิดการทะเลาะวิวาทกันเนื่องจากเมาแล้วหาเรื่อง
เขาเล่าให้ฟังว่าเขามักจะดื่มเหล้ากับเพื่อนประมาณ ๑๐ คนเกือบทุกสัปดาห์
แต่ละคนอยู่ในพื้นที่ละแวกบ้านซอยเดียวกัน ประกอบกับในกลุ่มตนเองเป็นก๊วนมีทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องซึ่งส่วนใหญ่มีจิตใจนักเลง
เมื่อเกิดอาการเมาจึงมีอาการรักพวกพ้องตามมา ใครอยู่ใกล้ ๆ มาทำซ่าก็จะเกิดการเขม่นกันแล้วนำไปสู่การทะเลาะวิวาทชกต่อยกันหลายครั้ง
หนุ่มอีกคนเล่าให้ฟังว่าตนเองรู้สึกมีความกล้ามากขึ้นหลังจากดื่มเหล้าเข้าไป
จากที่เป็นคนเรียบร้อยก็กลายเป็นคนที่กล้าพูดกล้าทำ สามารถท้าตีท้าต่อยกับใครก็ได้
หรืออาจจะละเมิดเพศตรงข้ามก็ได้ นี่เองที่เขาเรียกว่า “น้ำเปลี่ยนนิสัย”
นั่นเป็นผลกระทบจากการดื่มเหล้าที่นำไปสู่อุบัติเหตุบนท้องถนนและการทะเลาะวิวาทรวมไปถึงการล่วงละเมิดทางเพศผู้อื่นซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ ในด้านสุขภาพร่างกายแน่นอนว่าเหล้ามีผลกระทบอย่างรุนแรงไม่น้อยไปกว่ากัน
คนที่เคยดื่มเหล้าน่าจะรู้สึกได้ถึงความรุนแรงของแอลกอฮอล์ เมื่อน้ำเหล้าผ่านเข้าไปในปากจะรู้สึกได้ทันทีว่าแอลกอฮอล์ได้เข้าไปกัดเยื่อบุอ่อน
ๆ ในปากจนเกิดอาการแสบร้อน เมื่อเหล้าลงไปในกระเพาะอาหารจึงรู้สึกร้อนขึ้นมาทันที
แม้บางคนจะแนะนำว่าอย่ากินเหล้าขณะท้องว่างต้องกินกลับแกล้มลงไปด้วย แต่ความจริงก็คือนั่นเป็นเพียงเทคนิคการดื่มเท่านั้น
มันไม่ได้ช่วยให้อวัยวะภายในเสื่อมน้อยลงเลย
จำไว้ ... อย่าดื่มจนเมา ไม่งั้นจะโดนแบบนี้
ลองจินตนาการดูว่าอวัยวะภายในของเราเต็มไปด้วยเนื้อเยื่ออ่อน
ๆ ที่ไม่น่าจะทนทานกับสารปนเปื้อนต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอลกอฮอล์ซึ่งไม่ใช่สารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายแต่เป็นสารเคมีที่มีความรุนแรง
เมื่อแอลกอฮอล์ไหลผ่านเข้าไปอวัยวะน้อยใหญ่เหล่านี้จะทนทานได้สักเท่าไร หากมีแอลกอฮอล์ไหลผ่านทุกวันหรือสัปดาห์ละครั้งมันก็ต้องชำรุดเสื่อมไป
เพราะแอลกอฮอล์ที่ถูกดูดซึมจะทำให้เนื้อเยื่อเหล่านี้แปรสภาพไม่สามารถทำหน้าที่ของมันได้เต็มที่
ในที่นี้ตับจะเป็นอวัยวะอันดับต้น ๆ ที่จะเสื่อมสภาพไปในเวลาอันรวดเร็ว
เพราะสารพิษใดที่ตับไม่สามารถกำจัดได้ สารพิษนั้นจะหันมาทำร้ายตับทันที
หรือไม่ก็แบบนี้
นอกจากเหล้าจะเข้าไปทำลายตับแล้ว
เหล้ายังมีฤทธิ์ในการทำลายเซลสมอง
เมื่อเราดื่มเหล้าเข้าไปฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะเข้าไปตามกระแสเลือด เข้าไปทำลายเซลสมอง
เซลสมองมีคุณค่าต่อการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์เพราะทำให้มนุษย์มีความฉลาด
มีสติปัญญา มีไหวพริบ มีความกระฉับกระเฉง หากเซลสมองถูกทำลายไปจะไม่มีการสร้างขึ้นมาใหม่
เมื่อเราดื่มเหล้าแต่ละครั้งเซลสมองจะถูกทำลายไปวันละนิด หากดื่มเหล้าบ่อยครั้งเข้าเซลสมองก็จะถูกทำลายไปเป็นจำนวนมากขึ้นตามจำนวนและปริมาณเหล้าที่ดื่มลงไป
เมื่อเซลสมองถูกทำลายมากขึ้นจะทำให้คน ๆ นั้นกลายเป็นคนคิดช้า เริ่มขาดสติ มือสั่น
ความจำเลอะเลือน จนในที่สุดจะกลายเป็นผู้ป่วยโรคพิษสุราเรื้อรัง ขาดเหล้าไม่ได้ต้องดื่มเหล้าทุกวัน
จนกลายเป็นคนป่วยที่ไม่อาจเยียวยารักษาได้
ในวาระเข้าพรรษามาถึงอีกรอบ
น่าจะเป็นโอกาสอันดีสำหรับชาวคอทองแดงทั้งหลายที่นิยมชมชอบการดื่มเหล้าเป็นชีวิตจิตใจ
หากท่านยังเห็นว่าสังขารร่างกายนี้ยังมีคุณประโยชน์กับการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ก็อาจจะอาศัยโอกาสนี้สมาทานเลิกเหล้าเข้าพรรษาเสียเลย
ไม่ใช่แค่งดเหล้าเข้าพรรษาเท่านั้นแต่เป็นหมุดหมายในการยุติการดื่ม
เพราะหากท่านยังดันทุรังดื่มต่อไปก็เป็นไปได้ว่าท่านอาจจะไม่ได้แก่ตาย
แต่ท่านอาจจะตายก่อนเวลาอันควร
หรือถ้าไม่ตายก็อาจจะประสบอุบัติเหตุจากการเมาซึ่งก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าชะตาชีวิตของท่านจะเป็นอย่างไรหากท่านยังคงดื่มต่อไป
บางท่านอาจจะมองว่าศาสนาอื่นอย่างเช่นศาสนาคริสต์เขายังไม่ต่อต้านการดื่มเหล้า
เขายังใช้เหล้าในการประกอบพิธีกรรม
แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าศาสนาคริสต์ที่เขาดื่มเหล้านั้นเขาไม่ได้ดื่มเหล้ารสชาติแรง ๆ
เหมือนอย่างที่เราดื่มกัน เขาใช้ไวน์ในพิธีรับศีลมหาสนิทเพื่อเป็นการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับพระเจ้า
ไวน์ที่นำมาใช้ในการประกอบพิธีไม่ได้มีรสชาติรุนแรงเหมือนกับไวน์ทั่วไปที่มีขายตามท้องตลาด
และเขาก็ไม่ได้ดื่มกันจนเมามายขาดสติเหมือนกับที่เราดื่มกัน เขาดื่มนิดเดียวพอเป็นพิธีหรือบางครั้งก็มีการใช้น้ำผลไม้แทนไวน์
ในทางคริสต์ศาสนาเองก็ไม่สนับสนุนให้คนดื่มเหล้าจนเมามายขาดสติ ดังนั้นถ้าชาวคริสต์จะดื่มเหล้าเมาจนหัวราน้ำ
นั่นก็ถือเป็นความประพฤติที่ไม่อยู่ในเส้นทางที่พระเจ้าจะยินดีเช่นกัน แม้แต่ในหมู่ชุมชนชาวมุสลิมเองก็ไม่สนับสนุนการดื่มเหล้าเช่นเดียวกับศาสนาอื่น
ๆ
จุดมุ่งหมายที่ศาสนาต้องการให้คนหันมาละเว้นการดื่มเหล้าเพราะคนมักจะดื่มเหล้ากันจนขาดสติ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเบื้องต้นเหล้าได้ทำลายความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
ในเมื่อสามัญสำนึกเบื้องต้นได้ถูกทำลายลงไปจึงเป็นเรื่องอันตรายที่คนเราจะละเมิดหรือกระทำความผิดอื่น
ๆ ตามมาเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ได้ควบคุมความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของมนุษย์ไว้แล้ว
ดังนั้น เลิกเหล้าเถิดเพื่อน ก่อนจะสายเกินไป.
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
- ขอบคุณศาสนาจารย์สนั่น วุฒิ แห่งสภาคริสตจักรนประเทศไทย จ.เชียงใหม่ ให้ข้อมูลเรื่องการดื่มไวน์ของชาวคริสต์
- ขอบคุณ Google ให้ข้อมูลเรื่องมุมมองของชาวมุสลิมกับการดื่มเหล้า
- ขอบคุณพระบวชใหม่จำนวน 16 รูปที่ตอบแบบสอบถาม และแบ่งปันประสบการณ์การดื่มเหล้าในสมัยเป็นฆราวาสให้ฟังอย่างน่าสนุกและตื่นเต้น
- ขอบคุณหนุ่มฆราวาสอีก 2 คนที่ช่วยตอบแบบสอบถาม
- และสุดท้าย ขอบคุณทุกท่านที่อ่านบทความจนจบ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
- ขอบคุณศาสนาจารย์สนั่น วุฒิ แห่งสภาคริสตจักรนประเทศไทย จ.เชียงใหม่ ให้ข้อมูลเรื่องการดื่มไวน์ของชาวคริสต์
- ขอบคุณ Google ให้ข้อมูลเรื่องมุมมองของชาวมุสลิมกับการดื่มเหล้า
- ขอบคุณพระบวชใหม่จำนวน 16 รูปที่ตอบแบบสอบถาม และแบ่งปันประสบการณ์การดื่มเหล้าในสมัยเป็นฆราวาสให้ฟังอย่างน่าสนุกและตื่นเต้น
- ขอบคุณหนุ่มฆราวาสอีก 2 คนที่ช่วยตอบแบบสอบถาม
- และสุดท้าย ขอบคุณทุกท่านที่อ่านบทความจนจบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น