กรุงเทพธุรกิจ , สนามวิจารณ์ , อังคาร 14 สิงหาคม 2555
(เกริ่น : บทความนี้เขียนไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ยังไม่ได้เอาไปลงที่ไหน พอดีถึงเทศกาลวันแม่ปีนี้ ก็เลยเอามาเกลาใหม่ แล้วส่งไปที่ กรุงเทพธุรกิจ ก็เลยได้ลง ด้วยประการฉะนี้)
ผู้เขียนเองบ่อยครั้งก็รู้สึกสับสนไปกับคุณค่าและความหมายที่สังคมไทยมีให้กับผู้หญิงไทย
ยกตัวอย่างถ้าบ้านใดมีลูกสาวก็จะมีคำเปรียบเปรยว่า ‘มีลูกสาวเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน’
ซึ่งฟังดูไม่ค่อยให้เกียรติสถานะของลูกสาวสักเท่าไร
หรือไม่ก็มีคำพูดเหน็บแนมว่า ‘ผู้หญิงข้าวสาร
ผู้ชายข้าวเปลือก’
หมายความว่าข้าวสารตกถึงพื้นดินก็สกปรกเอาไปใช้ทำประโยชน์อะไรไมได้ แต่ถ้าเป็นข้าวเปลือกหากไปตกหล่นที่ไหนก็มีแต่จะงอกงามออกมาเป็นต้นกล้า
อุปมาเปรียบเหมือนผู้ชายไปไหนมีแต่ได้ ในขณะที่ผู้หญิงไปไหนมีแต่เสีย นั่นเป็นความหมายที่สังคมไทยมีให้กับหญิงไทย
แต่พอถึงวันที่ ๑๒
สิงหาคม ซึ่งถูกกำหนดให้เป็น ‘วันแม่แห่งชาติ’ เพศหญิงก็ถูกเทิดทูนเสียจนเราแทบจะลืมคำเหน็บแนมต่างๆ
นานาเหล่านั้นไปเสียสิ้น หรือว่านี่คือการ ‘ตบหัวแล้วลูบหลัง’ ของสังคมไทยที่กระทำต่อผู้หญิง
แต่การ ‘ลูบหลัง’ ที่สังคมไทยกระทำกับผู้หญิงก็ยังมีอะไรที่ควรเข้าไปสำรวจตรวจสอบเมื่อการลูบหลังผู้หญิงเป็นการนำเอา ‘ผู้หญิง’ กับ ‘ความเป็นแม่’
มาปรุงแต่งผสมรวมกัน ทั้งๆ ที่สองคำนี้อาจจะเป็นคนละเรื่องกันก็ได้
ที่ผู้เขียนพูดเช่นนี้ก็เพราะผู้หญิงก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่มีทั้งด้านดีและด้านเลวปะปนอยู่ในคนๆ
เดียวกัน ในขณะที่ ‘ความเป็นแม่’ เป็นคุณสมบัติที่สังคมประดิดประดอยหรือสร้างขึ้นมาเพื่อมอบให้ผู้หญิงแล้วคาดหวังให้ผู้หญิงต้องมีความเป็นแม่
นั่นหมายความว่าในทางปฏิบัติผู้หญิงถูกคาดหวังให้ต้องมีสามี ต้องมีลูก แต่ความเป็นจริงก็คือไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะสามารถทำเช่นนั้นได้
ในโลกของความเป็นจริงมีผู้หญิงบางคนคลอดลูกออกมาแล้วรู้ตัวว่าไม่สามารถจะเลี้ยงลูกได้ก็ทิ้งลูกไว้ที่กองขยะ
บางคนคลอดลูกปุ๊บก็ทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลทันที ผู้หญิงบางคนทิ้งลูกไว้ให้สามีเลี้ยงหรือไม่ก็ทิ้งลูกไว้ให้พ่อแม่เลี้ยงแล้วก็ไปมีสามีใหม่
ผู้หญิงบางคนก็ตัดสินใจทำแท้ง หรือถ้าไม่ทำแท้งก็เลี้ยงลูกด้วยความรุนแรงมีการตบตีลูกอย่างไม่ปรานี
ผู้หญิงบางคนต้องการสามีมากกว่าจะต้องการลูก ผู้หญิงบางคนมีหลายสามีในเวลาเดียวกัน ผู้หญิงบางคนต้องการมีอะไรกับใครโดยไม่ต้องการมีพันธะ ผู้หญิงบางคนจึงไม่ต้องการเป็นเมียและไม่ต้องการเป็นแม่ใคร ผู้หญิงบางคนก็พึงพอใจที่จะอยู่กินกับผู้หญิงด้วยกัน ในขณะที่บางคนก็พอใจที่จะอยู่เป็นโสด
เราจะเห็นได้ว่าแท้จริงแล้วในสังคมไทยมีผู้หญิงหลายประเภทและหลายคนทีเดียวที่ไม่ได้ทำหน้าที่แม่อย่างที่สังคมคาดหวัง ดังนั้นเราพอจะเริ่มมองเห็นชัดขึ้นแล้วหรือยังว่าผู้หญิงกับความเป็นแม่นั้นเป็นคนละเรื่องกัน
ผู้หญิงบางคนต้องการสามีมากกว่าจะต้องการลูก ผู้หญิงบางคนมีหลายสามีในเวลาเดียวกัน ผู้หญิงบางคนต้องการมีอะไรกับใครโดยไม่ต้องการมีพันธะ ผู้หญิงบางคนจึงไม่ต้องการเป็นเมียและไม่ต้องการเป็นแม่ใคร ผู้หญิงบางคนก็พึงพอใจที่จะอยู่กินกับผู้หญิงด้วยกัน ในขณะที่บางคนก็พอใจที่จะอยู่เป็นโสด
เราจะเห็นได้ว่าแท้จริงแล้วในสังคมไทยมีผู้หญิงหลายประเภทและหลายคนทีเดียวที่ไม่ได้ทำหน้าที่แม่อย่างที่สังคมคาดหวัง ดังนั้นเราพอจะเริ่มมองเห็นชัดขึ้นแล้วหรือยังว่าผู้หญิงกับความเป็นแม่นั้นเป็นคนละเรื่องกัน
ความเป็นแม่เป็นอาการผสมปรุงแต่ง
ถูกผลิตและให้ความหมายขึ้นมาโดยสังคม
เป็นความคาดหวังมากกว่าจะเป็นความจริงเพราะไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนจะรับบทบาทความเป็นแม่ได้
ความเป็นแม่เป็นคุณลักษณะที่เป็นกันได้ยาก กล่าวคือหากมีสุภาพสตรีสักคนอยากจะรับบทบาทการเป็นแม่ขึ้นมา
สุภาพสตรีท่านนั้นต้องเป็นผู้หญิงที่มีสามีเป็นตัวเป็นตน สามารถอุ้มท้องได้นาน 9
เดือนโดยไม่ทำแท้งเสียก่อน เมื่อคลอดลูกออกมาก็สามารถเลี้ยงดูลูกให้เติบใหญ่จนกว่าลูกจะดูแลตัวเองได้
นั่นหมายความว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 20
ปีทีเดียวกว่าลูกจะดูแลตัวเองได้ซึ่งระหว่างนั้นความอดทนที่จะเป็นแม่อย่างสมบูรณ์แบบของสุภาพสตรีท่านนั้นอาจจะขาดผึ่งขึ้นมาเมื่อไรก็ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุภาพสตรีท่านนั้นก็ต้องมีปัจจัยสี่เพียงพอที่จะเลี้ยงดูลูกให้เติบใหญ่ได้
การเป็นแม่จึงไม่ใช่เรื่องที่จู่ๆ ผู้หญิงจะลุกขึ้นมาเป็นกันได้ทุกคน
ที่สำคัญการจะเป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบอีกปัจจัยหนึ่งก็คือต้องอาศัยสามีที่มีความเสียสละ
หากไม่มีสามีที่มีความเสียสละคอยดูแลเอาใจใส่ ผู้หญิงที่ต้องการจะเป็นแม่ท่านนั้นก็อาจจะเป็นแม่ด้วยความยากลำบากยิ่งขึ้น
เพราะการเลี้ยงลูกไม่ใช่อะไรที่ง่ายดายแต่ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากสามีมาช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ
เพื่อซื้อนมซื้อผ้าอ้อมให้ลูกน้อย
การเป็นแม่ลูกอ่อนคงไม่สามารถเอาเวลาไปทำงานหาเงินเพื่อเอามาเลี้ยงลูกได้
ลำพังการพักฟื้นหลังคลอดก็ต้องหมดเวลาไปกับการเยียวยาร่างกายหลังคลอดและการดูแลเอาใจใส่ลูก
ภาวะเช่นนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปทำงานหาเงิน คงต้องอาศัยสามีที่เสียสละทำหน้าที่ออกไปทำงานหาเงินนอกบ้าน
ใช่ว่าสามีที่ดีในสมัยนี้จะหาได้ง่ายๆ สามีจำนวนไม่น้อยมักจะเลิกราแล้วทิ้งให้ผู้หญิงต้องเลี้ยงลูกโดยลำพังหรือไม่ก็เร่ร่อนขอทานอยู่ตามท้องถนนกับลูกน้อย
การเป็นแม่จึงไม่ใช่บทบาทที่จะเป็นกันได้ง่ายนัก
จึงเป็นไปได้ว่าทุกครั้งที่มีการเฉลิมฉลองวันแม่แห่งชาติในวันที่
๑๒ สิงหาคมของทุกปี มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองได้รับการเฉลิมฉลองสดุดีไปด้วย
พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือผู้หญิงจำนวนมากไม่ได้รู้สึกมีส่วนร่วมไปกับการเฉลิมฉลองวันแม่แห่งชาติดังกล่าว รวมทั้งไม่ได้รู้สึกว่าตนเองต้องรับบทบาทความเป็นแม่อย่างที่สังคมคาดหวังและเฉลิมฉลองให้
เพราะการเป็นแม่เป็นเรื่องยากลำบาก การเป็นโสดอยู่คนเดียวไม่มีพันธะอะไรกับใครเป็นเรื่องที่น่าจะสบายกว่ากันเยอะ
ความเป็นแม่ที่สังคมคาดหวังจึงออกจะดูสวนทางกับวิถีชีวิตของผู้หญิงหลายๆ
คนในเวลานี้และดูเหมือนว่าพวกเธอก็เมินที่จะทำตัวตามความคาดหวังของสังคมเช่นกัน
ในขณะที่ผู้หญิงอีกจำนวนหนึ่งไม่ได้เมินแต่อยากทำตัวให้เป็นที่คาดหวังของสังคมแต่ก็ไม่สามารถกระทำได้
และคงรู้สึกอึดอัดและกดดันที่ตนเองไม่ได้เป็น ‘แม่’
สมดังความคาดหวังของสังคมและคงมีความทุกข์ใจอยู่ลึกๆ
ด้วยเพราะอาจมีเหตุปัจจัยบางประการทำให้ไม่สามารถเป็นแม่ได้ เช่น เป็นหมัน
ยังไม่มีใครมาเป็นสามีจนกระทั่งอายุมากเกินไป หรือบังเอิญมีสามีตอนอายุเลยวัยที่เหมาะสมจะมีบุตรไปแล้ว
เราคงเริ่มเห็นภาพแล้วว่าความเป็นแม่ที่สังคมคาดหวังได้กดทับอิสรภาพและความรู้สึกของผู้หญิงอย่างไร
แทนที่เราจะมองผู้หญิงอย่างที่เธอเป็น
มองเห็นความดี มองเห็นความไม่ดีอย่างปกติที่เธอเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ
คนหนึ่งซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ เรากลับมองเธอด้วยอาการปรุงแต่งพร้อมด้วยความคาดหวัง
เนื้อตัวของผู้หญิงไทยจึงดูเหมือนจะพะรุงพะรังไปด้วยความเป็นเปลือกที่เรียกว่า
“แม่” ซึ่งผู้หญิงอาจจะทำตัวให้เป็นแม่ได้บ้างไม่ได้บ้าง
พร้อมกันนั้นก็พะรุงพะรังไปด้วยความหมายเชิงลบเกี่ยวกับ ‘ส้วมหน้าบ้าน’ หรือ ‘ข้าวสารข้าวเปลือก’ ผสมปนเปกันไป
จะเป็นการดีกว่าหรือไม่หากเราจะมองผู้หญิงอย่างที่เธอเป็นเธอจริงๆ
โดยปราศจากความคาดหวังว่าเธอต้องเป็นนั่นเป็นนี่อันเป็นการจำกัดอิสรภาพของเธอ
ตัวผู้หญิงเองก็จะสามารถมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอชัดขึ้นว่าแท้จริงแล้วเธอก็ไม่ได้เป็นอะไรนอกจากเป็น ‘มนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง’ หรือลึกไปกว่านั้นก็คือเธอเป็นเพียง
‘ก้อนธรรมชาติก้อนหนึ่งที่มาประชุมรวมกัน’
หากเธอมีลูกแล้วทำหน้าที่แม่ได้ดีก็ถือว่าเธอทำหน้าที่ของความเป็นมนุษย์ที่ดี
แต่ถ้าหากเธอมีลูกแล้วไม่อาจทำหน้าที่เป็นแม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเป็นแม่ที่ไม่ดี
หรือหากเธอไม่ได้มีลูก ไม่ได้แสดงบทบาทความเป็นแม่ นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่สมบูรณ์
เพราะอย่างน้อยเธอก็เป็นมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง
และบางทีเราจะได้เห็น
“ผู้หญิง” ที่เป็น “ตัวตนจริงๆ” ของเธอที่ไม่ได้เกิดจากการเสแสร้งปรุงแต่งโดยความคาดหวังของสังคม
ได้มองเห็น “แม่” ที่เป็น “แม่จริงๆ” ที่ไม่ได้เกิดจากการเสแสร้งปรุงแต่งจากความคาดหวังของสังคมเช่นกัน
เมื่อนั้นเราจะได้ไม่ผิดหวังไปกับ ‘แม่กำมะลอ’ เพราะมันเป็นเพียงเปลือกที่เราและสังคมต่างก็ร่วมกันสร้างมันขึ้นมาแค่นั้นเอง.
.
เมื่อนั้นเราจะได้ไม่ผิดหวังไปกับ ‘แม่กำมะลอ’ เพราะมันเป็นเพียงเปลือกที่เราและสังคมต่างก็ร่วมกันสร้างมันขึ้นมาแค่นั้นเอง.
.