พระชาย วรธัมโม คมชัดลึก อังคาร 5 มีนาคม 2556
๕ มีนาคมเป็นวันสตรีสากลทำให้นึกถึงครั้งหนึ่งเมื่อหลายหมื่นปีมาแล้ว
เพศหญิงเคยได้รับการเคารพบูชาในฐานะเทพีแห่งการให้กำเนิดและความอุดมสมบูรณ์
มนุษย์มีวิวัฒนาการและประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาแล้วเป็นเวลา ๕ ล้านปี หลักฐานที่บ่งบอกว่ามนุษย์อยู่บนโลกใบนี้มาช้านานมากที่สุดคือ ถ้ำลาสโกซ์
อยู่ในประเทศอังกฤษ เป็นถ้ำที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังถึง ๒,๐๐๐ ภาพ
นักโบราณคดีวิเคราะห์ว่าภาพเหล่านี้มีอายุอยู่ที่ ๑๗,๐๐๐ ปีทีเดียว เราเรียกช่วงเวลานั้นว่า
“ยุคก่อนประวัติศาสตร์”
เป็นยุคที่มนุษย์ยังไม่รู้จักประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นใช้ ช่วงเวลานั้นมนุษย์ยังไม่มีศาสนา
ศาสนาเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ ๔,๐๐๐ ปีที่ผ่านมา
ในเมื่อศาสนายังไม่ถือกำเนิดขึ้นมา
สิ่งเคารพบูชาสูงสุดของมนุษย์ในยุคสมัยนั้นจึงเป็นธรรมชาติศักดิ์สิทธิ์ที่มาในรูปของ
เทพี หรือ เทพผู้หญิง (Mother Goddess) วันนี้เราจะย้อนกลับไปศึกษาความเชื่อของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ว่าพวกเขาคิดหรือเชื่ออะไรในการดำรงอยู่ของชีวิต
...................................................................
เมื่อประมาณ 5 ล้านปีที่แล้วหลังจากที่มนุษย์วิวัฒนาการจากการใช้ชีวิตบนต้นไม้ด้วยการลงมาอยู่บนพื้นดิน
มนุษย์ก็ใช้ชีวิตแบบเร่ร่อน อยู่ไม่เป็นที่ ต่อมาจึงเริ่มปักหลักอยู่เป็นที่เป็นทาง
มีการเข้าไปอาศัยอยู่ในถ้ำ แล้วต่อมามนุษย์ก็เริ่มเรียนรู้ที่จะสร้างที่อยู่อาศัยด้วยตนเอง
เมื่อมนุษย์รู้จักสร้างที่อยู่อาศัยด้วยตนเอง
มนุษย์ก็เริ่มรู้จักทำการเพาะปลูก เพศชายออกไปล่าเหยื่อในขณะที่เพศหญิงเรียนรู้เรื่องการทำเกษตรกรรมด้วยการนำเมล็ดพันธุ์ฝังไว้ใต้ดินรอวันแตกหน่องอกงาม
นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้มนุษย์หันมาให้ความเคารพบูชาจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในธรรมชาติซึ่งอยู่ในรูปของ
เทพผู้หญิงผู้ให้กำเนิดความอุดมสมบูรณ์แห่งพืชพรรณธัญญาหาร
มนุษย์ยุคโบราณปั้นรูปเคารพจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ให้อยู่ในรูปร่างของเพศหญิง
มีเต้านม มีสรีระอ้วนท้วนสมบูรณ์ มีเครื่องเพศเด่นชัด คนโบราณให้ความยกย่องเพศหญิงว่าเป็นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ผิดกับสมัยนี้ที่มองเพศหญิงว่าเป็นเพียงวัตถุทางเพศ
คนยุคปัจจุบันมองเพศหญิงว่ามีคุณสมบัติที่ด้อยกว่าเพศชาย
บางทีคนโบราณอาจมีจิตใจสูงส่งกว่าคนในยุคปัจจุบันก็ได้ถึงแม้ยุคโบราณจะยังไม่มีศาสนาเกิดขึ้น
อีกทั้งความอ้วนก็ไม่ได้ถูกมองว่าน่าเกลียด แต่ความอ้วนหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ที่ช่วยเหลือมนุษย์ให้รอดพ้นจากความอดอยาก
“อวัยวะเพศหญิงคืออวัยวะที่ให้กำเนิดทารกถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการก่อกำเนิด
เต้านมเป็นสัญลักษณ์ของแหล่งอาหารเมื่อทรวงอกของแม่ทำหน้าที่ผลิตน้ำนมให้ลูกดื่มกิน”
รูปปั้นเทพผู้หญิงที่มีชื่อเสียง
"วีนัสแห่งวิเลนดอร์ฟ" มีอายุ ๒๗,๐๐๐ ปี แกะจากหินปูน พบบริเวณลุ่มแม่น้ำดานูบในทวีปยุโรป
วีนัสแห่งวิเลนดอร์ฟ มีนมและเครื่องเพศเด่นชัดหมายถึงการให้กำเนิดและความอุดมสมบูรณ์
เก็บรักษาอยู่ในพิพิธภัณฑ์กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย มีความสูง 4 นิ้วครึ่ง
คนสมัยโบราณปั้นรูปเทพีผู้หญิงขนาดเล็กเป็นรูปเคารพด้วยความคาดหวังว่าความอุดมสมบูรณ์จากธรรมชาติจะดลบันดาลให้พืชพรรณธัญญาหารที่เพาะปลูกมีความเจริญงอกงามให้ดอกออกผลเหมือนกับสรีระของเพศหญิงที่มีเต้านมคือแหล่งอาหารและอวัยวะเพศคือการให้กำเนิดชีวิต
มีการขุดพบรูปปั้นเทพีตามจุดต่างๆ
ของโลก รูปปั้นเหล่านี้ส่วนใหญ่มีขนาดเล็กกระทัดรัดเท่าฝ่ามือหรือบางครั้งก็อาจใหญ่กว่านั้น
มีลักษณะเปลือยเน้นที่รูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ ทำด้วยวัสดุง่ายๆ เช่นดินเผาหรือแกะสลักจากหิน
ตัวอย่างเช่น รูปปั้นวีนัสแห่งวิเลนดอร์ฟในทวีปยุโรป รูปปั้นเทพีนั่งห้อยเท้าแห่งชาทาโฮยุคในประเทศตุรกี
รูปปั้นเทพีดอกไม้แห่งคันธาระพบในปากีสถาน และยังพบรูปปั้นลักษณะคล้ายกันนี้อีกหลายแห่งกระจัดกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ
ของโลก
เทพีดอกไม้แห่งคันธาระ ทำจากดินเผา บนศีรษะของเทพีเต็มไปด้วยดอกไม้ มีใบไม้พาดกลางลำตัวหมายถึงความอุดมสมบูรณ์แห่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร พบที่ปากีสถาน มีอายุประมาณ ๒,๐๐๐ ปี ปัจจุบันถูกเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์วิคตอเรียแอนด์อัลเบิร์ต สหราชอาณาจักร
รูปปั้นเทพีเหล่านี้ถือเป็นรูปเคารพแห่งความอุดมสมบูรณ์ ยังไม่มีความหมายลึกซึ้งไปถึงระบบ ศีลธรรม ความดีความชั่ว เป็นเพียงรูปเคารพของความศรัทธาในพลังธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะดลบันดาลให้พืชพรรณธัญญาหารออกดอกออกผลอย่างอุดมสมบูรณ์ เพื่อมนุษย์จะได้มีอาหารบริโภครอดพ้นจากความอดอยาก
แม้บ้านเราจะมีอารยธรรมบ้านเชียง
จ.อุดรธานี อายุ ๕,๐๐๐ ปี แหล่งอารยธรรมผาแต้ม จ.อุบลราชธานี อายุ ๔,๐๐๐ ปี หรืออุทยานแห่งชาติออบหลวง จ.เชียงใหม่ อายุ ๘,๕๐๐
ปี แต่ยังไม่พบรูปปั้นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ในดินแดนแถบนี้ จะมีก็แต่การเคารพบูชา
“พระแม่” ปรากฏอยู่ในพิธีกรรมต่างๆ ที่สืบทอดกันมาช้านาน
เช่น:
เทพผู้หญิงทำจากดินเผา
นั่งบนบัลลังก์ห้อยเท้า มีเสือสองตัวขนาบข้างแสดงถึงบริวารและความมีอำนาจ
รูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ พบที่เมืองโบราณชาทาโฮยุค ประเทศตุรกี
มีอายุประมาณ ๖,๐๐๐ ปี
ประเพณีลอยกระทงคือการบูชาพระแม่คงคา
ประเพณีทำขวัญข้าวคือการบูชาพระแม่โพสพ หลังการทำบุญตักบาตรเรามีการกรวดน้ำลงดินฝากพระแม่ธรณีนำไปให้ดวงวิญญาณที่ล่วงลับ
ในพุทธประวัติตอนที่พระพุทธเจ้าผจญมาร พระแม่ธรณีได้บีบมวยผมให้น้ำไหลหลั่งออกมาช่วยพระพุทธองค์จากเหล่ามารที่มาผจญ
จนมารเหล่านั้นต้องพ่ายแพ้ไป พระแม่ธรณีถือได้ว่าเป็นเทพีที่คอยสนับสนุนการบรรลุธรรมของพระพุทธเจ้ามาช้านานหลายพระองค์แล้วนับแต่อดีตกาลอันยาวไกล
แม้เราจะไม่พบหลักฐานรูปปั้นเทพีใดๆ
ในดินแดนแถบนี้ แต่นี่คือการสืบทอดทางวัฒนธรรมความเชื่อเรื่อง “เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์” ด้วยพิธีกรรมที่สืบทอดกันมายาวนานนับตั้งแต่ดินแดนแห่งนี้ยังไม่มีศาสนากำเนิดขึ้น
จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าในอดีตกาลมนุษย์เรามีวัฒนธรรมการนับถือเทพผู้หญิงแห่งความอุดมสมบูรณ์อยู่ทั่วทุกมุมโลกทั้งแถบยุโรปและเอเชีย
ก่อนรับประทานข้าวในวันนี้
เราขอขอบคุณพระแม่โพสพที่ทำให้เราได้มีเมล็ดข้าวบริโภค ทำให้เราไม่อดอยาก เราขอขอบคุณพระแม่ธรณีที่มอบผืนดินอันอบอุ่นให้เราได้หลับนอนผ่อนพัก
และยังมอบผืนดินให้เราได้เพาะปลูกพืชพรรณธัญญาหารอย่างอุดมสมบูรณ์ เราขอขอบคุณพระแม่คงคาที่คอยหล่อเลี้ยงเราและโลกให้ฉ่ำเย็นด้วยหยดน้ำที่ไม่มีวันเหือดแห้ง
เพราะ 'พระคุณแม่' มีเมตตากรุณาต่อมนุษย์จึงดลบันดาลความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณธัญญาหารให้มนุษย์ได้บริโภคใช้สอยมาแต่ยุคดึกดำบรรพ์
มนุษย์มีชีวิตอยู่รอดมาได้ถึงทุกวันนี้เพราะเป็นหนี้บุญคุณเทพีแห่งธรรมชาติ
วันนี้ท่านยังคงทำหน้าที่แม้วันเวลาจะผ่านล่วงเลยมานานนับล้านปีมาแล้วก็ตาม
มนุษย์ควรฝึกฝนตนเองให้มีเมตตากรุณาเช่นเดียวกับท่านด้วยการมีเมตตากรุณากับมนุษย์ด้วยกันเองไม่ว่ามนุษย์นั้นจะเป็นชนเผ่าใด ผิวสีไหน
เป็นชนชาติใด พูดภาษาใด มีความแตกต่างทางความคิดกันเพียงไหน มนุษย์ก็มิควรรังเกียจกดขี่ข่มเหงกัน
เพื่อเราจะได้อยู่ร่วมกันบนโลกใบนี้ด้วยความสงบสุข เช่นเดียวกับ 'แม่' ก็มีเมตตากรุณากับมนุษย์ทุกหมู่เหล่า
มอบความอุดมสมบูรณ์ให้กับมนุษย์ทุกซีกโลกมาช้านานแล้ว.
.
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น